แต่เดี๋ยวนี้หนูไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนกับตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ความสุขของหนูหายไปพร้อมกับที่พ่อจากหนูไป” นี่คือความทรงจำของมัซวิน ที่มีต่อพ่อของเธอที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
นายสาเหะสะมะแอ พ่อของน้องมัซวิน ถูกผู้ก่อความไม่สงบลอบยิงเสียชีวิตในตอนค่ำวันที่ 10 กรกฎาคม 2550 หรือเมื่อกว่า 4 ปีที่แล้ว ทำให้นางอรอุมาผู้เป็นแม่ต้องแบกรับภาระ ในการเลี้ยงดูลูกๆวัยกำลังเรียนทั้ง 4 คนแต่เพียงผู้เดียวโดยมีรายได้หลักเพียงอย่างเดียวจากการทำน้ำพริกขายกับกลุ่มแม่บ้าน เดือนละ 3,500 บาท
มัซวินเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้เราฟังว่า “แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่หนูยังจำได้ดีไม่มีวันลืม เย็นวันนั้นพ่อพาหนู กับน้องอีกสองคน นั่งรถกระบะไปหาเพื่อนของพ่อที่คลองมานิง ตอนกลับบ้านก็มีคนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์มาสองคันยิงใส่พ่อหนู ต่อหน้าหนูและน้องๆ เขายิงซ้ำใส่พ่อหนูหลายนัดมาก จนพ่อนิ่งไป หนูทั้งตกใจและกลัวมาก น้องๆร้องไห้ตกใจกันหมด หนูจึงร้องตะโกนบอกคนร้ายว่าอย่าทำอะไรหนูกับน้องๆเลยพวกคนร้ายหันมาพูดกันหนูว่า “ไม่เป็นไร” และพวกเขาก็พากันขี่มอเตอร์ไซค์หนีไป”
มัซวินกล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับทุนการศึกษาในปีนี้ว่า “แม้ว่าวันนี้พ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่หนูก็ยังมีแม่ที่รักหนู หนูจะตั้งใจเรียนให้สูงเพื่อให้พ่อภูมิใจในตัวหนูและจะใช้เงินทุนการศึกษาที่ได้รับให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในอนาคตหนูจะได้มีงานทำที่ดีได้ช่วยเหลือครอบครัว ซื้อบ้านให้แม่เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินเช่าเขาอยู่”
เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 8 ปี มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจำนวนถึง 11,542 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 5,086 คน และได้รับบาดเจ็บ 8,485 คน (ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2555) เด็กๆจำนวนมากต้องสูญเสียพ่อแม่ ผู้ปกครองที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เด็กหลายคนอยู่ในสภาพที่ไม่เหลือใคร ความหวังเดียวของพวกเขาที่แทบจะเหมือนกันก็คือการได้รับโอกาสในการเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเพื่อจะได้ดูแลช่วยเหลือตนเอง และคนในครอบครัวที่ยังอยู่ต่อไป
EDF หวังว่าเรื่องราวของเด็กหญิงมัซวิน คงจะเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกจำนวนมาก ที่กำลังรอคอยความหวัง และกำลังใจ ในการเติบโต และมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา |