THA  ENG   JPN
หน้าหลัก > เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF > ครูนิตยา มั่นยืน อดีตเด็กนักเรียนทุนการศึกษามูลนิธิ EDF ปี พ.ศ.2546-2548
ครูนิตยา มั่นยืน อดีตเด็กนักเรียนทุนการศึกษามูลนิธิ EDF ปี พ.ศ.2546-2548
นิตยา มั่นยืน (แต๋น) อายุ 30 ปี
 
การศึกษาสูงสุด ปริญญาตรี (คบ.5 ปี)
สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์

 
ปัจจุบัน ข้าราชการครู โรงเรียนบ้านจันรม จังหวัดสุรินทร์
 
อดีตเด็กนักเรียนทุนมูลนิธิ EDF ปี 2546-2548 (ม.1-3)
โรงเรียนเทนมีย์มิตรประชา 
จังหวัดสุรินทร์

ในวัยเด็กดิฉันและพี่ชายอาศัยอยู่กับคุณปู่ คุณย่า เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด ดิฉันถูกฝึกให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง และครอบครัวตั้งแต่เด็ก คุณปู่มีอาชีพเป็นเกษตรกร ส่วนคุณย่าประกอบอาชีพค้าขาย


ครูนิตยา และเพื่อนๆ ขณะศึกษาอยู่ที่ โรงเรียนเทนมีย์มิตรประชา จ.สุรินทร์

หลังจากเลิกเรียนและทุกๆ วันหยุด ภารกิจหลักของดิฉันคือ ไปช่วยงานคุณปู่ที่ทุ่งนา หรือไม่ก็ช่วยคุณย่ารับซื้อพืชผัก ผลไม้ เพื่อนำไปขายต่อที่ตลาดสดสุรินทร์ ขนมที่อร่อยที่สุดในวัยนั้นคือ เศษขนมปังที่ร้านเบเกอรี่นำมาขายในราคาถูกๆ คุณย่ามักจะซื้อมาฝากหลานสาวท่านอยู่เสมอ
 
เมื่อดิฉันเรียนถึงระดับประถมศึกษาตอนปลาย ทั้งคุณปู่และคุณย่าต่างก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับ คุณพ่อ คุณแม่จึงกลับมาหางานทำที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ด้วยปัญหาทางครอบครัว ทำให้คุณพ่อคุณแม่หย่าร้างกัน และต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ เหลือเพียงพี่ชายและดิฉันที่อยู่ดูแลกันและกันเพียงสองคน ถึงอย่างนั้น คุณแม่ก็ยังส่งเสียดิฉันและพี่ชายตามกำลังเป็นประจำทุกเดือน จนกระทั่งพี่ชายของดิฉันเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงได้เดินทางไปทำงานอยู่กับคุณแม่ที่จังหวัดลพบุรีส่วนตัวดิฉันที่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนเทนมีย์มิตรประชา ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง จะมีเพียงช่วงปิดภาคเรียนเท่านั้นที่ดิฉันได้เดินทางไปอยู่กับคุณแม่เพื่อทำงานหารายได้พิเศษ เมื่อเปิดภาคเรียนก็กลับมาเรียนที่สุรินทร์ตามปกติ ดิฉันใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเรียนจบชั้น ม.ปลายค่ะ
 
ดิฉันมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะในช่วงชีวิตมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นช่วงเวลาที่ดิฉันคิดว่าชีวิตแย่ที่สุด ลำบากที่สุด และท้อแท้ที่สุด จนเกิดความคิดที่จะเลิกเรียนไปเสียด้วยซ้ำ แต่ดิฉันกลับได้รับความช่วยเหลือจากคุณครู และมูลนิธิ EDF ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านทุนการศึกษา และอุปกรณ์การเรียนจาก ที่ผู้บริจาคทุนท่านเมตตาส่งมาให้ 1 กล่องใหญ่ ดิฉันยังจำรายละเอียดได้ดี ในนั้นมี สมุด (เล่มสีขาว หน้าปกเป็นรูปนางเงือก...ยังคงจำได้ดีเพราะประทับใจมาก) เครื่องเขียน (ที่ได้แบ่งปันให้กับเพื่อนๆ เพราะท่านให้มาเยอะมากจนใช้คนเดียวไม่ทัน) พจนานุกรมทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นต้น หรือแม้กระทั่งทุนการศึกษาสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ได้เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเรียนของดิฉันได้เป็นอย่างมาก จากความรู้สึกหมดกำลังใจในการเรียนกลับกลายเป็นแรงฮึดสู้ ด้วยว่ามีความฝันอยากเรียนสูงๆ มีงานดีๆ มีชีวิตที่ดี จนสุดท้าย ดิฉันก็สามารถเรียนจนจบชั้นมัธยมศึกษา

 

ครูนิตยา ในวันที่ประสบความสำเร็จ ได้บรรจุเข้ารับราชการในปี พ.ศ.2559
สร้างความภูมิใจให้กับตัวเอง และครอบครัว
 
หลังจากที่ดิฉันได้รับทุนการศึกษา ดิฉันได้นำไปใช้อย่างประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุด ดิฉันได้จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อจดบันทึกรายละเอียดในการใช้และเป็นการวางแผนการใช้ทุนให้คุ้มค่าที่สุด โดยมีคุณครูที่ปรึกษา คือ คุณครูพิมลพรรณ โสรบุตร คอยให้คำแนะนำอยู่เสมอ นับเป็นความโชคดีของดิฉันเป็นอย่างมากที่ได้พบกับคุณครูที่มีความเอาใจใส่ รัก และเอ็นดูศิษย์ คอยจัดหาทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือศิษย์อยู่เสมอ
 
สำหรับทุนการศึกษามูลนิธิ EDF ที่มอบให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน และยากจนนั้น ถือว่ามีประโยชน์ และมีส่วนช่วยให้นักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือได้รับโอกาสทางการศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระของนักเรียนและครอบครัว สร้างความพร้อม และกำลังใจให้กับพวกเขาในการเรียน เพราะเมื่อความช่วยเหลือ และโอกาสมาถึงมือคนที่ต้องการมันอย่างแท้จริงแล้ว ทุนการศึกษานั้นก็ถือว่าเกิดประโยชน์สูงสุดแล้วค่ะ
 
หลังจากที่ดิฉันเรียนจบชั้น ม.6 จาก โรงเรียนเทนมีย์มิตรประชา ดิฉันได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยรอบโควตาได้อันดับที่ 1 ของสาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ โดยเลือกที่จะเรียนในสายอาชีพครู เนื่องจากมีเป้าหมายที่อยากจะดูแลคุณพ่อและคุณแม่ให้ดีที่สุด ดิฉันจึงตั้งใจศึกษาอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ รวมทั้งหารายได้เสริม ทำงานพิเศษทุกๆ ภาคเรียน ไม่ว่าจะเป็น พนักงานทำความสะอาดห้างสรรพสินค้า รับจ้างดำนา-เกี่ยวข้าว งานโรงงาน ค้าขาย หรือหาของป่ามาจำหน่าย เป็นต้น เพื่อเป็นแบ่งเบาภาระต่างๆ ของครอบครัว จนกระทั่งสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรี (คบ.5 ปี) สาขาภาษาอังกฤษ ด้วยผลการเรียนเฉลี่ย 3.50 และหลังจากเรียนจบ ดิฉันก็ได้รับการคัดเลือกเข้าทำงานในตำแหน่งครูพี่เลี้ยงเด็กพิการ โรงเรียนบ้านโคกปราสาท สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 1 ทันที

 

บรรยากาศสบายๆ และเป็นกันเอง ของครูนิตยา และนักเรียน 
โรงเรียนบ้านจันรม จ.สุรินทร์
 
ชีวิตในวัยทำงานของดิฉัน เป็นช่วงที่มีความกดดันค่อนข้างสูง เนื่องจากดิฉันต้องเตรียมตัวเพื่อสอบบรรจุข้าราชการครู ซึ่งในขณะนั้น ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างก็มีปัญหาสุขภาพอยู่เนืองๆ คุณแม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเต้านม และคุณพ่อรับการผ่าตัดนิ่วในไต จึงเป็นทั้งแรงกดดัน และผลักดันให้ดิฉันสอบ และบรรจุเข้ารับราชการได้ในต้นปี พ.ศ.2559 นับเป็นก้าวใหญ่แห่งความสำเร็จของชีวิตเลยก็ว่าได้
 
หลังจากเข้ารับราชการได้ประมาณ 1 ปี ดิฉันจึงได้สร้างบ้าน และรับคุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายกลับเข้ามาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง (ท่านทั้งสองได้เลิกรากับสามีและภรรยาของพวกท่านแล้ว) จนถึงปัจจุบัน แม้ท่านทั้งสองไม่ได้อยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา แต่ดิฉันกลับมีความสุข และภาคภูมิใจในตนเองที่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ในที่สุด เมื่อนึกย้อนกลับไป หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิ EDF และคุณครู ดิฉันคงไม่สามารถฟันฝ่าอุปสรรค ความลำบาก ความขาดแคลน และความไม่พร้อมในตอนนั้นมาได้เป็นแน่แท้

 

ครูนิตยา และคุณแม่ในวันที่ได้กลับเข้ามาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
สร้างความสุข และภาคภูมิใจที่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ในที่สุด

 
 
สิ่งที่อยากจะฝากถึงมูลนิธิ EDF หรือท่านผู้ใจบุญที่มอบทุนให้กับดิฉัน คำว่า “ขอบคุณ” อาจจะฟังดูน้อยไป ดิฉันรู้สึกขอบคุณ และสำนึกในพระคุณของท่านอยู่เสมอ ความช่วยเหลือของท่านในวันที่ชีวิตของเด็กวัย 14 ปีคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าจะเดินต่ออย่างไร หรือเดินไปทางไหนได้ ท่านได้เข้ามาช่วยพยุง ประคับประคอง จับมือและชี้หนทาง พาเด็กนักเรียนคนหนึ่งให้ก้าวผ่านปัญหาและอุปสรรคในวันนั้นมาได้ ดิฉันไม่อาจตอบแทนท่านกลับไปด้วยสิ่งของหรือเงินตรา แต่ดิฉันอยากจะขอส่งต่อความช่วยเหลือที่ดิฉันเคยได้รับไปยังคนอื่นๆ ที่เขาต้องการ เหมือนที่ท่านเคยมอบให้แก่ดิฉันในวันนั้น ขอให้ท่านภูมิใจ และวางใจว่าเด็กคนนั้น....ครูคนนี้ จะไม่ทอดทิ้งเด็กๆ และนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ เหมือนที่ท่านคอยช่วยเหลือดิฉันตลอดมา ขอบพระคุณค่ะ
 
สำหรับน้องๆ รุ่นหลังที่ได้รับทุนการศึกษา พี่ขอให้นำทุนการศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและการเรียนให้มากที่สุด วางแผนการใช้ทุนให้ดี และให้คุ้มค่า ประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม ตั้งใจศึกษาหาความรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่น เพื่อเป็นการส่งต่อโอกาสดีๆ ให้กับน้องๆ ในรุ่นต่อๆ ไป ขอให้น้องๆ พึงระลึกเสมอว่า เมื่อเราได้รับความช่วยเหลือจากใคร ขอให้จดจำ และรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ เพื่อที่วันหนึ่ง เราจะสามารถเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่นอย่างที่เราเคยได้รับ...เป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนนะคะ สู้ๆ ค่ะ

 
2021-12-08 | เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF | เปิดอ่าน 8252

ลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสาร EDF

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา(EDF)
594/ 22 พาทิโอ เรสซิเดนซ์ รัชโยธิน ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร: 02-579-9209 ถึง11 | Line: @edfthai | อีเมล์: [email protected]
Connect with EDF        
มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาเป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255
ทุกการบริจาคผ่าน มูลนิธิฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย
© 2011 EDF-Thailand