| |
เติมหัวใจให้เต็ม: บทความจากใจ ผู้บริจาคทุน EDF |
| |
| โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์นุชรินทร์ ศศิพิบูลย์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม
ใครบางคนบอกว่าอุทกภัยในปี 2554 นี้ เป็น “อภิมหาอุทกภัย”เพราะมีตัวเลขความสูญเสียที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินไว้สูงถึงล้านล้านบาทและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ นับเป็นอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 70 ปีของประเทศไทย
ลูกศิษย์เกือบทุกรุ่นของนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม จะถามดิฉันบ่อยครั้งว่า ทำไมเราต้องมาทำโครงการพัฒนาคลองแสนแสบ ทำไมเราต้องมารับน้องใหม่ด้วยการพาน้องมาลุยโคลน กำจัดผักตบชวาในคลองซอย หรือคลองแยกจากคลองแสนแสบปีแล้วปีเล่า แม้กำลังแรงของเราจะน้อยนิด และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือ คำตอบทั้งหมด ในเรื่องทางเดินน้ำลงสู่ท่อระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ในวันที่กรุงเทพฯ ประสบอุทกภัยและภาวะน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ที่เกิดขึ้น
|
|
ดิฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยเช่นกันเพราะมีบ้าน อยู่บนถนนรามอินทรา กิโลเมตรที่ 2.5 เขตบางเขน ที่เป็นเวลากว่า 1 เดือนเต็ม ที่น้ำท่วมสูงกว่า 60-70 เซนติเมตร บนถนนรามอินทรา บริเวณกิโลเมตรที่ 1 ถึง 5 จนรถเล็กไม่สามารถจะผ่านไปได้ จนถึงวันนี้ที่น้ำบนถนนใหญ่เกือบเข้าสู่ในภาวะปกติ แต่ในถนนซอยโดยเฉพาะซอยเลขคี่ที่ติดต่อกับเขตสายไหม น้ำยังท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร และเน่าเหม็น โดยดิฉันเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเมื่อใดน้ำจะลดลงสู่ภาวะปกติ
กระนั้นดิฉันก็ยังถือโชคดีกว่าพี่น้องผู้ประสบภัยอีกจำนวนมาก ที่ยังมีน้ำดื่ม น้ำใช้ มีอาหารแห้ง และแสงสว่างจากไฟฟ้า แม้การใช้ชีวิตจะไม่สะดวกสบายราบรื่นเหมือนแต่ก่อนก็ตาม
แต่เพราะดิฉันเชื่อในคำพูดที่ว่า“We have to hurt before we can strong” หรือ “ความเจ็บปวดจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเสมอ”
ประโยคนี้ดิฉันเคยใช้สอนตัวเองอยู่เสมอ และในช่วงวิกฤติเช่นนี้ดิฉันก็ได้บอกกล่าวคำพูดนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ ญาติ มิตร ลูกศิษย์ ลูกหา ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
ช่วงเวลานี้ ยังเป็นสถานการณ์จริงที่ดีเยี่ยมในการสอนสั่งลูกศิษย์ ให้เข้าใจคำว่า “จิตอาสา” ในภาคปฏิบัติมากยิ่งขึ้น
มีคนกล่าวไว้ว่า ความสุขหากเราแบ่งปัน ความสุขนั้นจะเพิ่มเป็นสองเท่า แต่หากเราร่วมกันแบ่งปันความทุกข์ ความทุกข์นั้นจะลดลงครึ่งหนึ่ง
การแบ่งปันทำให้เรายิ้มได้เสมอ แม้ในยามสุขหรือทุกข์ และวันข้างหน้า “เรา” จะเรียนรู้และ “เข้มแข็ง” ขึ้น
ดิฉันทราบข่าวจากมูลนิธิ EDF ว่า มีครอบครัวของเด็กๆนักเรียนทุนยากจนในภาคอีสานจำนวนมากที่ประสบอุกทภัย พ่อแม่ของเด็กบางคนต้องขาดรายได้จากแหล่งทำกินถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน และยังมีอีกหลายคนที่อพยพไปขายแรงงานในกรุงเทพฯหรือนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แล้วต้องตกงาน ไม่มีเงินส่งเสียมาให้ครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง
เด็กๆ ในวัยเรียน ลูก หลาน ของพวกเขาเหล่านั้น กำลังเผชิญปัญหาความขาดแคลน “ซ้ำซาก”
ขาดโอกาส ขาดความเท่าเทียม ขาดกำลังทรัพย์
และวันนี้กำลังขาดกำลังใจ เมื่อ พ่อ แม่ ของเขากำลังตกงาน และอาจไม่มีเงินส่งเสีย
ในอีกมุมหนึ่งผู้เคยอุปการะจำนวนมากก็ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจนอาจไม่สามารถให้การสนับสนุนพวกเขาได้เหมือนเคย
“But we have to cry sometime before we can smile” หรือ “ก่อนที่คนเราจะยิ้มได้บางครั้งอาจต้องผ่านการเสียน้ำตา”
กำลังใจ เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่และสามารถถ่ายทอดให้แก่กันได้ ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์
วันนี้ดิฉันจึงขอเป็นกำลังใจแก่ผู้บริจาคของ EDFทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้
ผลของการให้และความเสียสละในวันก่อนของท่าน จะเป็นพลังให้ท่านเข้มแข็งและยืนหยัดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับเด็กๆ ที่ได้รับทุนการศึกษาสิ่งที่จะทำได้อย่างดีที่สุดในวันนี้คือ ตั้งใจ และมุมานะในการเรียน ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ทั้งการเรียน และความรับผิดชอบต่องานบ้านและครอบครัว เพราะ “ไม่มีทางลัดใด นำเธอไปสู่ความสำเร็จได้” ความตั้งใจดีในวันนี้จะนำพาพวกเขา ฝ่าความยากลำบากไปสู่ความสำเร็จที่มุ่งหวังในวันข้างหน้า
หาก “กำลังใจ”เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดถึงกันได้จริง บทความชิ้นนี้ ดิฉันขอเติมเต็ม “ใจ”ของทุกท่านให้เข้มแข็ง และมีพละกำลังยิ่งขึ้นๆ
|
|
|
|
2011-12-01 | เสียงจากผู้บริจาคทุน EDF | เปิดอ่าน 8866 |
|