เด็กหญิงสกุลรัตน์ ขันธ์สาลี หรือน้องเล็ก เด็กนักเรียนชั้นม. 3 ของโรงเรียนอนุบาลกุมภวาปี จ.อุดรธานี เธอคิดเสมอว่าถ้าเราได้เรียนสูงๆความรู้ก็จะติตตัวเราและเป็นผลดีกับตัวเราและครอบครัว เธอจึงตั้งใจเรียนมาโดยตลอดและได้เกรดเฉลี่ยถึง 3.85 แม้ว่าน้องเล็กรู้สึกเสียใจที่พ่อด่วนจากไปตอนที่อายุเพียง 9 ขวบแต่น้องเล็กก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป เหตุการณ์นั้นทำให้น้องเล็กกระตือรือร้นที่จะเรียนให้เก่งเพื่อที่จะเป็นนางพยาบาลเพื่อที่จะช่วยเหลือคนอื่น |
|
น้องเล็กมีพี่น้องอยู่ 3 คน และแม่เป็นคนดูแลเลี้ยงดูและส่งเสียเพียงคนเดียว แม่ทำงานเย็บผ้าที่ชำรุด และด้วยสายตาที่ไม่ดี เงินแต่และเดือนก็ไม่เพียงพอที่จะมาจุนเจือครอบครัว โอกาสที่น้อยนิดที่น้องเล็กจะได้เรียนต่อก็แทบจะมองไม่เห็นเนื่องจากแม่ของเธอได้นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่พ่อของเธอทิ้งไว้ให้ไปจำนองเพื่อนำเงินมาส่งให้ลูกๆ ทั้ง 3 ได้เล่าเรียน และ ทุกวันนี้เธอจึงไม่กล้าที่จะคิดต่อไปว่าเธอจะมีโอกาสที่จะได้เรียนต่อหรือไม่ จนเธอเคยคิดว่าถ้าเธอเสียสละลาออกมาทำงานเพื่อส่งพี่ชายของเธอให้ได้เรียนให้จบชั้น ปวช.3 แล้วชีวิตของแม่และน้องๆจะได้ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป |
|
ทุกวันนี้เวลาเห็นเพื่อนๆนั่งกินขนมกันอยู่อย่างสนุกสนาน เธอต้องแอบไปร้องไห้อยู่ในห้องน้ำโรงเรียนแล้วตัดพ้อกับตนเองว่า “ทำไมพ่อถึงรีบทิ้งหนูไปรู้บ้างไหมว่าหนูและแม่ลำบากมากแค่ไหน” แต่เมื่อใดก็ตามที่เธอรู้สึกท้อแท้เธอจะคิดถึงคำสอนของแม่เธอ “ถ้าอยากได้ดีก็ต้องตั้งใจเรียน เพราะครอบครัวของเราไม่ค่อยมีนะลูก” มันเป็นคำพูดที่ทำให้หนูเลิกคิดที่จะโทษในโชคชะตา และทำให้มีกำลังใจลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคต่างๆที่กำลังจะเข้ามาด้วยใจมุ่งมั่น เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของแม่และครอบครัว |
|
|