“ถ้าแม่ไม่ได้ไปทำงาน ก็จะไม่มีเงินใช้ แม่ต้องไปยืมญาติ เพื่อเอาเงินมาให้หนูไปโรงเรียน บางวันหนูไม่ได้ทานข้าวมาโรงเรียน เพราะแม่ไม่มีเงินซื้อกับข้าว หนูห่อข้าวเปล่ามากินกับอาหารกลางวันของโรงเรียน บ้านหนูไม่มีไฟฟ้าใช้ ทุกวันนี้หนูใช้แต่เทียน ตะเกียง หรือไฟฉาย หนูต้องทำการบ้าน และกินข้าวก่อนค่ำ เพราะถ้าไม่รีบมันจะมืดเสียก่อน"
สุพัตราเป็นเด็กที่มีความประพฤติดี ตั้งใจเรียน มีผลการเรียนปานกลาง แต่อาจจะไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเด็กๆคนอื่นๆ เพราะปัญหาทางครอบครัว แต่เธอก็พยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้เรียนหนังสือ โดยเธอมักจะเข้าร่วมการประกวด หรือการแข่งขันต่างๆ ที่โรงเรียนจัดขึ้น เช่นการตอบปัญหาวิทยาศาตร์ เขียนเรียงความ และวาดรูป เพื่อนำเงินรางวัล มาเป็นทุนการศึกษา แม้จำนวนเงินที่ได้จะไม่มากแต่เธอก็ภูมิใจที่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว
เด็กหญิงสุพัตรา สมบูรณ์ อายุ 12 ปี และเพิงสังกะสีที่เธออาศัยอยู่กับพ่อและแม่ในปัจจุบัน
สุพัตรายังได้พูดถึงความฝันและความตั้งใจในอนาคตของเธอว่า "อาชีพที่หนูอยากเป็นมากที่สุดในอนาคต คือ นางพยาบาล เพราะจะได้ช่วยเหลือคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย คนชรา เด็ก หรือคนที่พิการ หนูจะขยัน อดทน และตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าค่ะ"
ตอนนี้ สุพัตราเปรียบเสมือน "ความหวังสุดท้าย" ที่เหลืออยู่ของครอบครัว ที่จะนำพาทุกคนให้หลุดพ้นจาก "วงจรของความยากไร้" ที่ได้กลืนกินอนาคตทางการศึกษาของพี่ๆทั้ง 6 คนของเธอ ไปแล้วก่อนหน้านี้
เรื่องราวของสุพัตราเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งจากชีวิตจริงของเด็กนักเรียนยากไร้อีกหลายพันคน ที่สมัครขอรับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF เพื่อเรียนต่อในปีการศึกษา 2558 นี้ ซึ่งสำหรับเด็กๆเหล่านี้แล้ว ความยากจน ไม่ได้เป็นเพียงแค่การขัดสนทางการเงิน แต่ยังหมายถึงการขาด “โอกาส” ในหลายๆด้านของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "โอกาสทางการศึกษา" ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้พวกเขามีศักยภาพ ที่จะเปลี่ยนแปลง อนาคตของตนเองได้อย่างแท้จริง
สภาพบ้านของเด็กหญิงสุพัตรา สมบูรณ์ ก่อนที่จะมีการนำแผ่นสังกะสีมาต่อเติมเพื่อป้องกันฝนและลมหนาว
|