แม้เรื่องราวจะผ่านมานับสิบปีแต่เธอยังคงไม่เคยลืมโอกาสดีๆที่เธอได้รับในวันนั้น ซึ่งเป็นโอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอตลอดไป ซึ่งมูลนิธิ EDF ขอนำเสนอมุมมอง และแง่คิดดีๆที่น่าสนใจผ่านเรื่องราวชีวิตของเธอให้ทุกท่านได้รับทราบครับ
เดิมดิฉันเป็นคนอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ครอบครัวมีอาชีพทำไร่ทำสวน และค้าขาย ดิฉันมีพี่น้องสองคน พ่อและแม่ต้องออกไปขายของในตลาดตั้งแต่เช้ามืด ดิฉันและพี่ชายจึงถูกสอนให้ดูแลรับผิดชอบตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหาร และขี่จักรยานไปโรงเรียน ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังต้องดูแลงานบ้านทุกอย่างแทนแม่ แม้พ่อกับแม่จะไม่ค่อยมีเวลา แต่เราก็ถือว่าเป็น ครอบครัวที่อบอุ่น แม่สอนดิฉันว่า “คนเราไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง แต่ขอให้ขยันและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน” ดิฉันจึงตั้งใจเรียนเพื่อสร้างโอกาสต่างๆให้กับตัวเอง และไม่เคยสร้าง ปัญหาให้กับทางบ้านเลย
วันหนึ่งคุณครูได้เสนอชื่อให้ดิฉันได้รับทุนจากมูลนิธิ EDF ดิฉันได้รับทุนเรียนต่อตั้งแต่ชั้นม.1-ม.6 (พ.ศ.2535-2540) ซึ่งพ่อกับแม่ภูมิใจและดีใจที่ดิฉันตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนที่ดี จนได้รับเลือกให้รับทุนนี้ นอกจากนี้ดิฉันยังช่วยพ่อกับแม่ขายของในตลาดในวันหยุด และทำงานพิเศษโดยช่วยครูขายของในสหกรณ์ของโรงเรียนช่วงพักกลางวัน เพื่อหาเงินเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น
หลังจากเรียนจบชั้นม.6 ดิฉันได้มีโอกาสเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ในคณะศึกษาศาสตร์ เอกคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) และเป็นนักเรียนทุนโครงการเร่งรัดพัฒนาครูคณิตศาสตร์ (รพค) เนื่องจากค่าครองชีพในการใช้ชีวิตในกรุงเทพค่อนข้างสูง ดิฉันจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย และใช้จ่ายอย่างประหยัด ดิฉันทำงานพิเศษแทบทุกอย่างที่สามารถจะทำได้ ทั้งร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เนิร์สเซอรี่ ครูสอนพิเศษ เพื่อที่จะได้รบกวนทางบ้านให้น้อยที่สุด
สำหรับทุนการศึกษา EDF ที่ดิฉันเคยได้รับ ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากและอยากจะขอบคุณผู้ให้ทุนเป็นอย่างมาก ที่หยิบยื่นโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กต่างจังหวัดอย่างดิฉัน ดิฉันได้รับคำแนะนำจากมูลนิธิฯ EDF ให้เขียนจดหมายถึงผู้ที่ให้ทุน ซึ่งดิฉันก็เขียนจดหมายถึงผู้ที่ให้ทุนแก่ดิฉันมาตลอด ท่านใจดีและตอบจดหมายของดิฉันทุกครั้ง ท่านถือได้เป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง ในการที่ทำให้ดิฉันมุ่งมั่นที่จะเรียนให้ดี ตอบแทนที่ท่านได้ให้โอกาสนั้นแก่ดิฉัน
ปัจจุบัน ดิฉันมีอาชีพเป็นคุณครูที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จังหวัดกรุงเทพฯ สอนวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างความภาคภูมิใจแก่พ่อและแม่ของดิฉันมาก ท่านเห็นดิฉันมีงานที่ดีและมั่นคง อย่างที่ท่านได้หวังเอาไว้ตั้งแต่ดิฉันยังเด็ก ดิฉันก็ดีใจและภูมิใจที่ ได้เป็นลูกที่ดี ได้ตอบแทนพระคุณพ่อกับแม่ ที่ท่านได้เหนื่อยและทุ่มเททั้งชีวิตทำเพื่อดิฉันมาตลอด ครอบครัวเรามีฐานะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน การได้เป็นครูทำให้ ดิฉันได้ถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียน ได้ตอบแทนสังคมที่ให้โอกาสที่ดีๆแก่ดิฉัน ดิฉันก็ได้หยิบยื่นโอกาส ให้แก่เด็กๆ โดยการแนะนำสิ่งที่ดีๆและแนวทางต่างๆให้นำไปเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตต่อไป
อาจารย์ฐิติชญาณ์พร้อมลูกศิษย์เตรียมถวายพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราช
ดิฉันยังจำคำที่แม่สอนเสมอว่า ให้ขยันและไม่ให้ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ ในชีวิตอีกอย่างก็คือ โอกาส ดิฉันประทับใจคำกล่าวของ Benjamin Disraeli ที่ว่า
“The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes.”
เคล็ดลับของความสำเร็จคือการเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่จะมาถึง
การได้รับ “โอกาส” แม้จะเป็นเพียงโอกาสเล็กๆ ก็สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นกับชีวิตของใครบางคนได้ แต่บางครั้ง ตัวเราเองก็คงต้องเป็นผู้สร้างโอกาสนั้นขึ้นมา ต้องเสาะแสวงหา และวิ่งเข้าหาโอกาส แทนที่จะรอให้โอกาสวิ่งมาหาเรา และเมื่อเราได้โอกาสนั้นมาแล้ว อย่าปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือไปอย่างง่ายดาย เพราะโอกาสดีๆอาจผ่านเข้ามาในชีวิตเราแค่เพียงครั้งเดียวก็เป็นได้
ดิฉันอยากบอกกับผู้บริจาคทุนมูลนิธิEDF ทุกท่านว่า "ท่านได้มีส่วนช่วยในการสร้างโอกาสให้กับนักเรียนด้อยโอกาส ที่อยู่ห่างไกล ท่านอาจเป็นแสงสว่างที่นำทางให้กับเด็กคนหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้เติบโตมาเป็นคนดีในสังคม พัฒนาสังคมเราให้ดีขึ้น และเป็นผู้หยิบยื่นโอกาสที่ดีนี้ให้แก่ผู้อื่นได้ต่อไป ดิฉันเองก็จะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และหยิบยื่นโอกาสดีๆให้กับคนอื่นๆเมื่อมีโอกาสเช่นกัน"
สำหรับน้องๆนักเรียนที่ได้รับทุนมูลนิธิEDF อยู่ในปัจจุบัน "พี่อยากให้น้องๆตั้งใจเรียน ขยันและมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด จงศรัทธาในตัวเอง และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ ถ้าขยัน มุ่งมั่นและมีศรัทธา ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล"
อาจารย์ปฐิติชญาณ์ ในพิธีวางพวงมาลาท่านเจ้าพระยาบดินทรเดชา
|