THA  ENG   JPN
หน้าหลัก > เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF > ชะตาชีวิตที่เลือกไม่ได้
ชะตาชีวิตที่เลือกไม่ได้
หลังจากพ่อแยกทางกับแม่เพื่อไปมีครอบครัวใหม่เมื่อ 4 ปีก่อน พี่ชายเพียงคนเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ก็หนีหายไป และไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย ทำให้ “น้องหญิง” หรือ อรสา เนตรพันทัง เด็กหญิงตัวเล็กๆวัย 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านมาบนาดี จังหวัดฉะเชิงเทรา ต้องอาศัยอยู่กับนางบัวทอง ผู้เป็นแม่เพียง 2 คน ในบ้านที่มีห้องนอนเล็กๆ เพียงห้องเดียว ไม่มีสิ่ง อำนวยความสะดวกใดๆ ห้องนํ้าไม่มีหลังคา มีเพียงแผ่นสังกะสีและผ้าปูที่นอนเก่าๆ ปิดไว้รอบๆ เพื่อบังสายตาผู้คน

เมื่อขาดสามีและลูกชายที่เป็นเสาหลักแม่จึงต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น เพื่อหาเงินให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายแบบวันต่อวัน โดยรับจ้างทำงานทุกอย่าง แล้วแต่จะมีคนจ้างให้ทำ โดยน้องหญิงจะไปช่วยแม่ทำงานในวันหยุดอยู่เสมอ

จนเมื่อต้นปี 2554 แม่เริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แต่ก็ยังฝืนทำงานหนัก เพราะหากไม่ทำงาน ก็หมายถึงทั้งสองแม่ลูกก็จะไม่มีอะไรกิน จนร่างกายทนไม่ไหว ขาเริ่มบวมขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่าแม่เป็น “โรคไตเสื่อม” เนื่องจากทำงานหนักมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหว ทำให้

ทุกวันนี้ แม่ไม่สามารถทำงานได้เหมือนก่อน แค่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหนื่อยมาก แม้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลทุกเดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงต้องหยุดทำงาน และนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
 


นางบัวทอง แม่ของน้องหญิง ซึ่งปัจจุบันป่วยเป็นโรคไตเสื่อม ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อีก


หลายครั้งที่หมดสิ้นหนทาง น้องหญิงต้องไปขอเงินจากพ่อ ซึ่งพ่อก็จะให้เงินมาบ้างครั้งละ 100-200 บาท ทุกวันนี้น้องหญิงพยายามหารายได้จากการรับจ้างทำงานหลังเลิกเรียนและในวันหยุดอยู่เสมอ ได้ค่าจ้างครั้งละ 30-50 บาท หรือแลกกับอาหารเย็นในแต่ละวัน แต่เนื่องจากเป็นเด็กตัวเล็กจึงไม่มีงานให้ทำมากนัก
 

สภาพบ้านของน้องหญิงและบริเวณโดยรอบ ซึ่งสองแม่ลูกอาศัยอยู่ในปัจจุบัน


ครูบอกกับเราว่า “น้องหญิงไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเด็กทั่วไป เพราะมีปัญหาทางบ้านค่อนข้างเยอะ แต่ก็เป็นเด็กเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่าทุกเทอม ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จึงเป็นที่รักของทุกคน”

นางบัวทองพูดพลางนํ้าตาคลอเบ้าว่า “ตอนนี้เป็นห่วงลูกมาก ถ้าเราเป็นอะไรไป ใครจะดูแล หลายครั้งที่นอนร้องไห้ด้วยกันสองแม่ลูก เจ็บใจตัวเองที่เราช่วยเหลืออะไรลูกไม่ได้ ตัวเราเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ถ้าหากเป็นไปได้อยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ เค้าจะได้มีชีวิตที่ดี ไม่ต้องลำบากเหมือนแม่”

น้องหญิงพูดถึงความฝันของเธอว่า“หนูชอบเรียนวิชาภาษาไทย ถ้าเป็นไปได้หนูอยากเรียนสูงๆ จะได้เป็น ครูสอนภาษาไทยอย่างที่ฝันไว้ แต่ตอนนี้แม่อาการไม่ดีเลย หนูสงสารแม่เวลาเห็นแม่เหนื่อยหอบและไอมากๆ ตอนนี้หนูขอแค่เรียนให้จบชั้น ม.3ก่อนจะได้ไปสมัครงานที่โรงงานได้ และมีเงินมารักษาแม่เร็วๆ หนูอยากให้แม่หาย แต่ตอนนี้หนูก็ไม่รู้ว่าพอจบ ป.6 แล้วจะได้เรียนต่อหรือเปล่า เพราะแม่ไม่มีเงินส่ง”

น้องหญิงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเด็กด้อยโอกาสที่มีความมุ่งมั่นที่อยากจะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา เพื่อช่วยเหลือครอบครัวให้หลุดพ้นจากความยากจน แต่สำหรับครอบครัวที่ยากจนอย่างเช่นครอบครัวของเธอแล้ว “การศึกษา” ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมเมื่อ “ปากท้อง” ยังคงเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้กันแบบวันต่อวัน
 


 เด็กหญิงอรสา เนตรพันทัง หรือ น้องหญิง เป็นหนึ่งในเด็กนักเรียนยากไร้จำนวน 8,790คนที่กำลังรอโอกาสที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษาในปีการศึกษา 2556 นี้



ทุกวันนี้ยังคงมีเด็กด้อยโอกาสอีกจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่พวกเขาเลือกเองไม่ได้ และอาจต้องลาออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันควร เพื่อทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัว และอาจต้องตกอยู่ในวัฎจักรของความยากไร้ตลอดไปแม้ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นเด็กด้อยโอกาสแต่หากเลือกได้ พวกเขาล้วนอยากที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา แต่การเข้าถึง “โอกาสทางการศึกษา” ของพวกเขากลับมีอุปสรรคเพียงเพราะพวกเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน 

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ในปีการศึกษา2556 นี้ มีเด็กยากไร้จำนวนมากถึง 8,790 คน สมัครขอรับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องราวที่ท่านได้อ่าน จะเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างแห่งโอกาสทางการศึกษาที่ขาดหายไป ของพวกเขาเหล่านั้น

การตัดสินใจอุปการะทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสผ่านโครงการทุนการศึกษามูลนิธิEDF เพียงเดือนละ 200-500 บาท ท่านสามารถช่วยให้เด็กๆเหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนต่ออีกอย่างน้อย 1-3 ปี โดยทุนการศึกษาจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาหลายๆประการที่นโยบายของรัฐยังไม่ครอบคลุม รวมถึงมีอาหารกลางวันกินอย่างเพียงพอซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาของเด็กในวัยเรียน

2012-11-29 | เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF | เปิดอ่าน 11891

ลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสาร EDF

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา(EDF)
594/ 22 พาทิโอ เรสซิเดนซ์ รัชโยธิน ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร: 02-579-9209 ถึง11 | Line: @edfthai | อีเมล์: [email protected]
Connect with EDF        
มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาเป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255
ทุกการบริจาคผ่าน มูลนิธิฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย
© 2011 EDF-Thailand