THA  ENG   JPN
หน้าหลัก > เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF > จากจุดเริ่มต้นสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของขนมจีน
จากจุดเริ่มต้นสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของขนมจีน


ด.ญ.ชญานิศ (ขนมจีน)
ชั้น ม.1 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จังหวัดบุรีรัมย์
เด็กนักเรียนทุนมูลนิธิEDFปีการศึกษา 2566



เมื่อประมาณต้นปี 2566 ฝ่ายทุนการศึกษามูลนิธิ EDF ได้รับใบสมัครเด็กนักเรียนเพื่อขอทุนเรียนต่อชั้น ม.1 ในปีการศึกษา 2566 จากคุณครูแนะแนว โรงเรียนเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ นั่นคือ ด.ญ.ชญานิศ สถิตอินทาพร หรือน้องขนมจีน ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่ชั้น ป.6 เป็นเด็กยากจนแต่เรียนดี และมีความประพฤติเรียบร้อย
ซึ่งหลังจากได้รับฟังเรื่องราวในชีวิตของเธอผ่านการสัมภาษณ์พูดคุยเพิ่มเติม ทำให้ทีมงานมูลนิธิ EDF ได้คัดเลือกเรื่องของเธอมานำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ของมูลนิธิฯ ตามที่ท่านอาจเคยผ่านตามาก่อนหน้านี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งเสียงที่พูดแทนเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่สมัครขอรับทุน ที่ล้วนต้องต่อสู้กับชะตาชีวิตในต่างรูปแบบ ด้วยความหวังที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษาเช่นเดียวกับเธอ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป



น้องขนมจีนกับน้าที่เป็นเจ้าของบ้านที่เธอกับแม่และพี่ชายมาขออาศัยอยู่ด้วย
หลังจากแม่แยกทางกับพ่อ

 
ขนมจีน เป็นเด็กหญิง ป.6 วัย 12 ปี อาศัยอยู่กับคุณแม่ และพี่ชายอีก 1 คน ที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 แม่แยกทางกับพ่อเมื่อหลายปีก่อน โดยพ่อไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู หรือติดต่อกลับมาเลยหลังจากนั้น ทำให้แม่ต้องย้ายมาขออาศัยอยู่บ้านน้า ที่มีฐานะยากจน หาเช้ากินคํ่าเช่นเดียวกัน แต่ยังโชคดีที่น้าไม่มีครอบครัว จึงอนุญาตให้ทั้งสามชีวิต ได้มาอาศัยพักพิงร่วมชายคา โดยต้องช่วยกันดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้าน แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ได้สะดวกสบาย เนื่องจากเป็นบ้านชั้นเดียวที่แทบไม่มีบริเวณรอบบ้าน มีเพียงห้องเล็กๆ 2 ห้อง คือห้องนอนของน้า และอีกห้องที่แม่ พี่ชาย และขนมจีนต้องอาศัยนอนอยู่รวมกัน
 
น้ามีอาชีพทำนา แต่ไม่มีที่ทำกินของตัวเอง ต้องเช่าที่นาเพื่อทำกิน และรับจ้างทั่วไป มีรายได้แค่พอเลี้ยงตัวเอง ในขณะที่แม่ทำงาน รับจ้างรายวันอยู่ที่ร้านขายเครื่องไฟฟ้าในตัวเมืองสุรินทร์ที่ห่างจากบ้านไปประมาณ 24 กิโลเมตร โดยทุกวันขนมจีน และพี่ชาย จะต้องตื่นแต่เช้า เพื่อออกเดินทางไปโรงเรียนพร้อมกับแม่ และรอแม่เลิกงานในตอนเย็นเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน แม่ได้ค่าจ้างเป็นรายวันๆ ละ 300 บาท หากวันไหนป่วยไม่ได้ไปทำงานก็จะไม่มีรายได้ ซึ่งนอกจากจะต้องช่วยน้าดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในบ้านแล้ว ยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ส่งเสียลูกๆ ในวัยเรียนทั้ง 2 คน อีกด้วย

 

สภาพภายในบ้านของน้า ที่แทบไม่มีบริเวณรอบบ้าน และมีห้องนอนเล็กๆ เพียง 2 ห้อง

 
แต่ปัญหาครอบครัว และความยากลำบากในชีวิตที่ขนมจีนต้องเผชิญ ก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่จะทำให้เธอประพฤติตนนอกลู่นอกทาง แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เธอพยายามตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพราะสงสารแม่ที่ต้องตรากตรำทำงานหนักเพื่อหาเงินมาส่งเสียเธอกับพี่ได้เรียนหนังสือ จนเธอสามารถผ่านการสอบปลายภาคชั้น ป.6 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร 3.53 และวางแผนที่จะสอบเข้า ม.1 ที่โรงเรียนสิรินธร ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
 
เส้นทางในชีวิตด้านการเรียนของเธอที่เหมือนกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ก็มาพบกับอุปสรรคด่านแรกที่เกือบทำให้เธอไม่สามารถสมัครสอบเพื่อเรียนต่อชั้น ม.1 ได้ เพราะทางโรงเรียนไม่สามารถออกใบรับรองการจบการศึกษาชั้น ป.6 ให้กับเธอได้ เนื่องจากเธอยังค้างชำระค่าเล่าเรียนตั้งแต่ชั้น ป.5 ถึง ป.6 คุณครูจึงได้ติดต่อมาทางมูลนิธิ EDF เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งทางเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและประสานงานกับทางโรงเรียนเพื่อช่วยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายที่ยังค้างชำระอยู่ทั้งหมด เพื่อที่ขนมจีนจะได้เตรียมตัวสอบเข้าเรียนชั้น ม.1 ได้อย่างไม่มีความกังวลใจ



น้องขนมจีนและคุณแม่ขณะเดินทางมาที่โรงเรียนเพื่อเขียนจดหมายขอบคุณ
และการ์ดอวยพรวันเกิดให้กับผู้อุปการะทุนการศึกษาของเธอ

 
ในเวลาต่อมา คุณครูได้แจ้งว่าขนมจีนสามารถสอบเข้า ม.1 ได้ทั้ง 2 โรงเรียน ซึ่งคุณครูแนะนำให้น้องเลือกเรียนที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จังหวัดบุรีรัมย์ เพราะน้องเป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษ (Gifted student) ที่สมควรได้รับการส่งเสริมให้เต็มศักยภาพ และโรงเรียนดังกล่าวยังมีหอพักอยู่ภายในโรงเรียนซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของแม่ได้ค่อนข้างมาก
 
แต่ชะตาชีวิตของน้องขนมจีนก็ต้องมาพบกับบททดสอบด่านที่สอง เนื่องจากค่าใช้จ่ายแรกเข้าในวันรายงานตัวที่ค่อนข้างสูง เช่นค่าประกันการเรียน ค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในหอพัก ค่าเครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนที่ต้องซื้อใหม่แทบทั้งหมด ทำให้เธอเกือบพลาดโอกาสในการเข้าเรียน ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่มีผู้บริจาคทุนมูลนิธิ EDF รายหนึ่ง (ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้มีโอกาสรับรู้เรื่องราวของน้องผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิ EDF และได้ติดต่อเข้ามาก่อนหน้านี้เพื่อขออุปการะทุนการศึกษาให้แก่เธอจนกว่าจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อทราบเรื่องผู้บริจาคจึงได้รีบดำเนินการมอบหมายให้มูลนิธิ EDF จัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้น้องขนมจีนในวันรายงานตัวปฐมนิเทศ และซื้อเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันเปิดเทอม

 

ภาพบรรยากาศ และรอยยิ้มของน้องขนมจีนในวันรายงานตัวและปฐมนิเทศ
นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จังหวัดบุรีรัมย์

 
น้องขนมจีนรู้สึกขอบคุณ และซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากในความช่วยเหลือที่เธอได้รับจากคนที่เธอไม่เคยรู้จัก หรือเห็นหน้ามาก่อน แต่กลับมีความรักและความเมตตาให้แก่เธอ โดยเธอสัญญาว่าจะใช้โอกาสที่ได้รับให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด จะตั้งใจเรียนอย่างเต็มความสามารถ ไม่ทำให้ผู้บริจาค และแม่ของเธอต้องผิดหวัง และจะจดจำบุญคุณและความเมตตาที่เธอได้รับจากผู้อุปการะของเธออย่างไม่มีวันลืม โดยเธอมีแผนที่จะสอบชิงทุนไปเรียนต่อทางด้านวิทยาศาสตร์ หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศชาติของเราต่อไป
 
ในวันนี้ น้องขนมจีนได้เข้าศึกษาต่อชั้น ม.1 ที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถสอบผ่านภาคเรียนที่ 1/2566 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.83 แม้ว่าเธอจะต้องพบกับความกดดัน และต้องปรับตัวในหลายด้านจากการต้องจากแม่และพี่ชาย เพื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในหอพักของโรงเรียน รวมถึงการแข่งขันด้านการเรียนที่ค่อนข้างสูง เพราะเด็กนักเรียนทุกคนล้วนแต่เป็นเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากหลายโรงเรียนมาเรียนรวมกัน แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด และไม่หยุดพัฒนาตนเอง เพราะไม่อยากให้โอกาสที่ได้รับมานั้นสูญเปล่า ด้วยความหวังว่าจะใช้การศึกษา เพื่อนำทางให้เธอ และครอบครัว มีชีวิตที่ดีขึ้น และมีอนาคตที่ไม่ต้องอยู่อย่างอดมื้อกินมื้อในวันข้างหน้าต่อไป



แม้จะผ่านบททดสอบ และอุปสรรคต่างๆมากมายในชีวิต แต่ขนมจีนก็ไม่เคยยอมแพ้
เพราะโอกาสที่เธอได้รับนั้นยิ่งใหญ่และเป็นกำลังใจให้เธอยิ้มสู้เพื่อเผชิญหน้า
กับทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นว่าการศึกษาจะช่วยนำทาง
ให้เธอและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น และหลุดพ้นจากความยากจน



 
2023-11-15 | เรื่องจริงของเด็กนักเรียนทุน EDF | เปิดอ่าน 6901

ลงทะเบียนรับข้อมูลข่าวสาร EDF

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา(EDF)
594/ 22 พาทิโอ เรสซิเดนซ์ รัชโยธิน ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร: 02-579-9209 ถึง11 | Line: @edfthai | อีเมล์: [email protected]
Connect with EDF        
มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนาเป็นองค์กรสาธารณกุศลลำดับที่ 255
ทุกการบริจาคผ่าน มูลนิธิฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีตามกฎหมาย
© 2011 EDF-Thailand