น้องมาร์ช และย่า ผู้ที่หารายได้มาจุนเจือครอบครัวเพียงคนเดียว
บ้านผมต้องซื้อข้าวกินเพราะไม่มีที่นาทำกิน บ้านที่อยู่ตอนนี้ก็เป็นของญาติที่เขาให้อยู่อาศัย ถ้าหากเขากลับมาผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะไปอยู่ที่ไหน บ้านผมไม่เหมือนคนอื่นเพราะบ้านผมยังเป็นพื้นดิน ไม่ใช่พื้นปูนหรือพื้นกระเบื้องเหมือนคนอื่น
บ้านที่ญาติให้อยู่อาศัยไปก่อน ซึ่งยังเป็นพื้นดิน ไม่ใช่พื้นปูนหรือพื้นกระเบื้อง
บางวันย่าไม่สบายบ้านผมจะไม่มีเงินซื้อกับข้าวกิน ก็จะอาศัยปลาแห้งที่ตากไว้มาปิ้งกิน บางครั้งผมอยากมีรายได้ช่วยย่า ผมจะไปชกมวยตามงานบุญที่จัดขึ้นก็พอมีรายได้ครั้งละ 200 บาท ได้เงินมาก็ให้ย่าเก็บไว้ซื้อข้าว ผมได้เงินโรงเรียนวันละ 10-20 บาท บางวันก็ไม่ได้เลย เพราะย่าบอกว่าไม่มีให้ไปทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนเลย ผมจะแบ่งฝากออมทรัพย์กับคุณครูส่วนหนึ่ง เพื่อเอาไว้สำหรับเข้าค่ายลูกเสือ ไปทัศนศึกษา
บางครั้งน้องมาร์ชจะชกมวยเพื่อหาเงินให้ย่าเก็บไว้ซื้อข้าว และฝากออมทรัพย์กับคุณครู
ผมชอบเรียนวิชาพลศึกษา เพราะผมชอบเล่นกีฬาและออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเนื่องจากผมเป็นคนตัวเล็กที่สุดในห้อง งานอดิเรกของผมคือเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ที่วัด และซ้อมมวย คติประจำใจของผมคือ “ คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกจะทำดีได้ ”
น้องมาร์ช และครอบครัวดีใจมาก ที่ครูเสนอชื่อเขาในการขอทุนฯ มูลนิธิ EDF
ถ้าผมได้ทุนเรียนต่อชั้น ม.1 ในปี 2564 นี้ ผมจะนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียน และรองเท้านักเรียนที่เล็กแล้ว ผมอยากเรียนที่โรงเรียนกีฬาจนจบ ม.6 เพราะมันคือความฝันของผม หรือถ้าเป็นไปไม่ได้ผมก็อยากเรียนต่อสายอาชีพ เรียนจบจะได้หาเงินช่วยย่าครับ ถ้าหากผมได้รับทุนในครั้งนี้ผมจะเก็บเอาไว้ใช้ในการเรียนหนังสือ และใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ
ในปีการศึกษา 2564 นี้ ยังมีเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนอีกไม่น้อยกว่า 10,000 คน ที่กำลังต่อสู้อยู่บนสังเวียนแห่งโชคชุะตา เพื่อไขว่คว้าอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา เหมือนเช่นน้องมาร์ช เพียงแต่พวกเขายังขาดโอกาส และการสนับสนุนเพื่อให้ความหวังของพวกเขาได้เปล่งประกาย และเข้าใกล้ความเป็นจริง การแบ่งปันแม้เพียงเล็กน้อยจากคุณในวันนี้ ผ่านโครงการทุนการศึกษามูลนิธิ EDF เพื่อเด็กนักเรียนด้อยโอกาส สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตของเด็กๆ เหล่านี้ได้ตลอดไป
|