เด็กหญิงสุภาวิตา อายุ 12 ปี เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากจังหวัดนครพนม หนึ่งในเด็กนักเรียนผู้สมัครขอรับทุนการศึกษามูลนิธิEDF ประจำปีการศึกษา 2561 ปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ครอบครับมีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 3 คน พี่สาวคนโตแต่งงาน และแยกออกไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่อำเภอธาตุพนม ส่วนพี่ชายคนกลางแม้ดูภายนอกจะมีลักษณะเหมือนคนปกติ แต่มีความผิดปกติทางสมอง และสมาชิกในครอบครัวอีกคนหนึ่งคือเด็กชายทรัพย์ทวี หลานชายคนเล็กที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลในโรงเรียนเดียวกัน
ด.ญ. สุภาวิตากับพี่ชายที่มีปัญหาทางสมอง และหลานชายในบ้านหลังเก่าๆขนาดเล็ก ฝาบ้านสานด้วยไม้ไผ่กรุด้วยถุงปุ๋ย
ครอบครัวของสุภาวิตา มีฐานะยากจนมากเนื่องจากพ่อและแม่มีอาชีพไม่แน่นอน หากมีงานรับจ้างที่ไหนพ่อก็จะอาสาออกไปทำงานไม่เกี่ยงว่าจะเป็นงานอะไร เช่น ก่อสร้างหรือรับจ้างทั่วไปรายได้ต่อวันเพียง 300 บาท หากวันไหนไม่มีงาน พ่อก็จะอยู่บ้านปลูกผัก ทำนา และดูแลลูกๆ รายได้ที่ได้มาจึงน้อยกว่ารายจ่ายภายในบ้าน ส่วนแม่ทำงานเป็นแม่บ้านดูแลทำความสะอาดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดังนั้นแม่จึงเป็นอีกแรงที่ช่วยหาเงินมาจุนเจือครับครัว
ด.ญ. สุภาวิตา และหลานชายจะปั่นจักรยานเก่าๆคันนี้ไปโรงเรียนทุกวัน
สุภาวิตา เป็นเด็กเรียนดีมีความขยัน มีความนอบน้อมถ่อมตัวตน เป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ ทุกเช้าเธอจะต้องตื่นตั้งแต่ 6 .00 น. ก่อนไปโรงเรียนเธอจะช่วยแม่ทำกับข้าว กวาดบ้าน ล้างจาน และดูแลหาอาหารให้พี่ชายคนกลางเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับแม่ และอาบน้ำแต่งตัวให้กับหลานชาย ซึ่งปกติเธอจะต้องปั่นจักรยานเก่าๆไปโรงเรียนตั้งแต่ 7 นาฬิกาโดยประมาณ เพื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าฟรีจากทางโรงเรียนที่ได้จัดให้นักเรียนทุกคน แต่ปีการศึกษา 2560 เป็นต้นมา หน่วยงานที่เคยสนับสนุนค่าอาหารมื้อเช้าของโรงเรียนเปลี่ยนไปให้การช่วยเหลือในส่วนอื่นแทน เธอจึงต้องหาวิธีที่จะหารายได้มาเป็นค่าอาหารเช้า โดยการปลูกดอกดาวเรืองเอาไว้ขาย ปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีเงินอีกนิดหน่อยที่ได้จากการขายดอกดาวเรืองเพื่อไว้ใช้ไปโรงเรียนอีกด้วย
ด.ญ. สุภาวิตากับแปลงดอกดาวเรืองที่เธอปลูกไว้ขายเพื่อเป็นรายได้พิเศษควบคู่กับผักสวนครัว
สุภาวิตามีความฝันที่จะเป็นเชฟทำอาหารไทย เธอจะชอบทำอาหารมากไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว หวาน และให้ความสนใจในชั่วโมงกิจกรรม ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ของโรงเรียน ซึ่งครูจะสอนทำอาหารคาว หวานต่างๆ โดยใช้วัตถุดิบมาจากแปลงเกษตรของโรงเรียนซึ่งครูได้มอบหมายให้เธอดูแลรับผิดชอบ นอกจากนี้เธอยังทำโครงงานกล้วยฉาบ และการทำไข่เค็ม ได้เป็นอย่างดี และนำเอาประสบการต่างๆที่ได้จากโรงเรียน มาฝึกทำอาหารให้ทั้งครอบครัวได้รับประทานเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และมีความหวังอย่างยิ่งที่จะนำความรู้เหล่านี้เพื่อใช้ประกอบอาชีพและหารายได้เพื่อนำมาเป็นทุนการศึกษา ในการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป โดยเฉพาะการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในคณะคหกรรมศาสตร์ที่สอนการทำอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งสุภาวิตาเองได้บอกกับคุณครูว่าอยากจะเป็นเชฟมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่ง พ่อ แม่ ก็เอาใจใสสนับสนุนอยากให้ได้เรียนหนังสือสูงๆด้วยเช่นกัน
|