“สามีของดิฉันเคยถูกลอบยิงมาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เขาระวังตัวเพิ่มมากขึ้น แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้ และทำให้ดิฉันต้องสูญเสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนนั้นรู้สึกเสียใจ และกลัวมาก กลัวพวกเขาจะกลับมาทำร้ายลูกๆที่ยังเล็กอยู่ เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ 2 ปีสภาพจิตใจจึงเริ่มดีขึ้น หลังจากสูญเสียสามี ดิฉันต้องทยอยขายทรัพย์สินที่เก็บหอมรอมริบร่วมกันกับสามี จนเกือบทั้งหมด เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน และเลี้ยงดูและส่งเสียลูกๆทั้ง 5 คนให้ได้เรียนหนังสือ ตอนนั้นยอมรับว่าท้อแท้และหมดกำลังใจ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่เพื่ออนาคตของลูกๆทำให้ดิฉันต้องยืนขึ้นให้ได้อีกครั้ง เพราะถ้าเราหมดกำลังใจแล้วลูกๆจะอยู่กันได้อย่างไร สมบัติเพียงสิ่งเดียวที่ดิฉันจะทิ้งไว้ให้กับพวกเขาได้ก็คือการศึกษา ที่จะทำให้พวกเขาสามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง และช่วยเหลือคนอื่นๆได้ต่อไป”
นางยินดี แซ่เหง่า อายุ 46 ปี ผู้เป็นมารดา และน้อง ฟาดีละห์ แซ่เหง่า อายุ 15 ปี
ปัจจุบันนางยินดี ประกอบอาชีพทำสวน และรับจ้างเล็กๆน้อยๆ มีรายได้เดือนละประมาณ 4,500 บาท และยังมีบทบาทสำคัญในการทำงานให้กับ โครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ซึ่งลำพังพื้นที่นี้ที่เดียว มีครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 200 ครอบครัว ซึ่งนางยินดีกล่าวว่า “กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ที่สูญเสีย และคนที่อยู่ในพื้นที่ ดิฉันดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือ และร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และการให้กำลังใจแก่ผู้ที่ต้องสูญเสียเหมือนกับเรา แนะนำแนวทางในการดำรงชีวิตหลังจากสูญเสียหัวหน้าครอบครัว และแนะนำเรื่องการติดต่อขอความช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานและองค์กรต่างๆให้แก่พวกเขา”
สำหรับน้องฟาดีละห์ เป็นหนึ่งในเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนในปีการศึกษา 2556 นี้ โดยเธอเป็นลูกสาวคนที่ 3 ของครอบครัว และเป็นเด็กเรียนเก่ง ได้เกรดเฉลี่ย 3.75 ชอบเรียนวิชาคณิตศาตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเธอได้เล่าเกี่ยวกับความฝันในอนาคตให้เราฟังว่า “หนูตั้งใจว่าอยากจะเป็นแพทย์ เพราะตอนที่คุณพ่อถูกทำร้าย หนูยังเด็กมาก และไม่มีโอกาสได้ดูแลรักษาท่าน หนูจึงอยากช่วยเหลือและรักษาคนอื่นๆให้เขาหายจากอาการป่วย หรือบาดเจ็บค่ะ”
ในปัจจุบันแม้ความเป็นอยู่อาจจะไม่ได้สุขสบายเหมือนตอนที่สามียังมีชีวิตอยู่ แต่นางยินดีและลูกๆก็ยังยืนยันที่จะใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ ต่อไป เพื่อที่อย่างน้อยจะได้อยู่เป็นกำลังใจกับคนในพื้นที่ด้วยกัน และยังได้มีโอกาสช่วยเหลือคนอื่นๆที่สูญเสียและได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับครอบครัวของเธอที่ยังคงมีอยู่อีกมากในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
|