จนเมื่อต้นปี 2554 แม่เริ่มมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แต่ก็ยังฝืนทำงานหนัก เพราะหากไม่ทำงาน ก็หมายถึงทั้งสองแม่ลูกก็จะไม่มีอะไรกิน จนร่างกายทนไม่ไหว ขาเริ่มบวมขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่าแม่เป็น “โรคไตเสื่อม” เนื่องจากทำงานหนักมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหว ทำให้
ทุกวันนี้ แม่ไม่สามารถทำงานได้เหมือนก่อน แค่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเหนื่อยมาก แม้จะไปตรวจที่โรงพยาบาลทุกเดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงต้องหยุดทำงาน และนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน
นางบัวทอง แม่ของน้องหญิง ซึ่งปัจจุบันป่วยเป็นโรคไตเสื่อม ร่างกายอ่อนเพลียและเหนื่อยง่าย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อีก
หลายครั้งที่หมดสิ้นหนทาง น้องหญิงต้องไปขอเงินจากพ่อ ซึ่งพ่อก็จะให้เงินมาบ้างครั้งละ 100-200 บาท ทุกวันนี้น้องหญิงพยายามหารายได้จากการรับจ้างทำงานหลังเลิกเรียนและในวันหยุดอยู่เสมอ ได้ค่าจ้างครั้งละ 30-50 บาท หรือแลกกับอาหารเย็นในแต่ละวัน แต่เนื่องจากเป็นเด็กตัวเล็กจึงไม่มีงานให้ทำมากนัก
สภาพบ้านของน้องหญิงและบริเวณโดยรอบ ซึ่งสองแม่ลูกอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ครูบอกกับเราว่า “น้องหญิงไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเด็กทั่วไป เพราะมีปัญหาทางบ้านค่อนข้างเยอะ แต่ก็เป็นเด็กเรียนดี ได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่าทุกเทอม ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ จึงเป็นที่รักของทุกคน”
นางบัวทองพูดพลางนํ้าตาคลอเบ้าว่า “ตอนนี้เป็นห่วงลูกมาก ถ้าเราเป็นอะไรไป ใครจะดูแล หลายครั้งที่นอนร้องไห้ด้วยกันสองแม่ลูก เจ็บใจตัวเองที่เราช่วยเหลืออะไรลูกไม่ได้ ตัวเราเองยังเอาตัวไม่รอดเลย ถ้าหากเป็นไปได้อยากให้ลูกได้เรียนสูงๆ เค้าจะได้มีชีวิตที่ดี ไม่ต้องลำบากเหมือนแม่”
น้องหญิงพูดถึงความฝันของเธอว่า“หนูชอบเรียนวิชาภาษาไทย ถ้าเป็นไปได้หนูอยากเรียนสูงๆ จะได้เป็น ครูสอนภาษาไทยอย่างที่ฝันไว้ แต่ตอนนี้แม่อาการไม่ดีเลย หนูสงสารแม่เวลาเห็นแม่เหนื่อยหอบและไอมากๆ ตอนนี้หนูขอแค่เรียนให้จบชั้น ม.3ก่อนจะได้ไปสมัครงานที่โรงงานได้ และมีเงินมารักษาแม่เร็วๆ หนูอยากให้แม่หาย แต่ตอนนี้หนูก็ไม่รู้ว่าพอจบ ป.6 แล้วจะได้เรียนต่อหรือเปล่า เพราะแม่ไม่มีเงินส่ง”
น้องหญิงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเด็กด้อยโอกาสที่มีความมุ่งมั่นที่อยากจะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา เพื่อช่วยเหลือครอบครัวให้หลุดพ้นจากความยากจน แต่สำหรับครอบครัวที่ยากจนอย่างเช่นครอบครัวของเธอแล้ว “การศึกษา” ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลเกินเอื้อมเมื่อ “ปากท้อง” ยังคงเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้กันแบบวันต่อวัน
เด็กหญิงอรสา เนตรพันทัง หรือ น้องหญิง เป็นหนึ่งในเด็กนักเรียนยากไร้จำนวน 8,790คนที่กำลังรอโอกาสที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษาในปีการศึกษา 2556 นี้
ทุกวันนี้ยังคงมีเด็กด้อยโอกาสอีกจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตที่พวกเขาเลือกเองไม่ได้ และอาจต้องลาออกจากโรงเรียนก่อนวัยอันควร เพื่อทำงานหาเงินจุนเจือครอบครัว และอาจต้องตกอยู่ในวัฎจักรของความยากไร้ตลอดไปแม้ว่าเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นเด็กด้อยโอกาสแต่หากเลือกได้ พวกเขาล้วนอยากที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้นจากการศึกษา แต่การเข้าถึง “โอกาสทางการศึกษา” ของพวกเขากลับมีอุปสรรคเพียงเพราะพวกเขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ในปีการศึกษา2556 นี้ มีเด็กยากไร้จำนวนมากถึง 8,790 คน สมัครขอรับทุนการศึกษาจากมูลนิธิ EDF ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องราวที่ท่านได้อ่าน จะเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างแห่งโอกาสทางการศึกษาที่ขาดหายไป ของพวกเขาเหล่านั้น
การตัดสินใจอุปการะทุนการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสผ่านโครงการทุนการศึกษามูลนิธิEDF เพียงเดือนละ 200-500 บาท ท่านสามารถช่วยให้เด็กๆเหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนต่ออีกอย่างน้อย 1-3 ปี โดยทุนการศึกษาจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาหลายๆประการที่นโยบายของรัฐยังไม่ครอบคลุม รวมถึงมีอาหารกลางวันกินอย่างเพียงพอซึ่งมีผลอย่างยิ่งต่อพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญาของเด็กในวัยเรียน
|